แกะกล่องโปรแกรมสุดฮ็อต "วินโดว์ วิสต้า" ไมโครซอฟท์ลุ้น-รุ่งหรือร่วง!
6 February 2007
"วินโดว์ วิสต้า" ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ (โอเอส) ใหม่ล่าสุดจากค่ายไมโครซอฟท์ของมหาเศรษฐี บิล เกตส์ ที่เพิ่งวางตลาดเมื่อปลายเดือนมกราคมนั้นใช้เวลาพัฒนานานถึง 6 ปีเต็ม และประสบปัญหาทางเทคนิคต้องเลื่อนวันวางจำหน่ายมาแล้วหลายครั้ง
วิสต้าที่วางตลาดขณะนี้มีหลาย "เวอร์ชั่น" หลายรุ่นหลายประสิทธิภาพให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม และมีราคาโดยประมาณแตกต่างกันไป อาทิ
เวอร์ชั่นแรก "โฮมเบสิก" ราคาต่ำสุดที่ขายในยุโรปราวชุดละ 13,500 บาท เหมาะกับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ตามบ้านทั่วไป ตามด้วย "โฮมพรีเมียม" ราคา 16,500 บาท สำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ตามบ้านที่ต้องการฟังก์ชันการใช้งานมากกว่าเวอร์ชั่นแรก
รุ่นต่อมา คือ "บิสสิเนส" ราคา 21,750 บาท เหมาะกับการใช้งานธุรกิจ และ "อัลติเมท" ราคา 14,800 บาท ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นสูงสุดที่นำคุณสมบัติของทั้งสามเวอร์ชั่นมารวมเข้าด้วยกัน สำหรับสเปค หรือ คุณสมบัติทางเทคนิคของคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานวินโดว์ วิสต้าอย่างคร่าวๆ มีดังนี้
- หน่วยประมวลผล 1 GHz 32-bit (x86) or 64-bit (x64)
- แรม 512MB สำหรับวิสต้าโฮมเบสิค ส่วนเวอร์ชั่นโฮมพรีเมียม และเวอร์ชั่นสูงกว่านั้นใช้แรม 1GB
- ฮาร์ดดิสก์ ความจุ 20GB และควรมีพื้นที่เหลืออย่างน้อย 15 GB
- รองรับโปรแกรมกราฟิก DirectX 9 หน่วยความจำกราฟิก 32 MB และมีไดรฟ์ DVD-ROM
สาเหตุที่ต้องเผื่อพื้นที่หน่วยความจำให้กับการเล่นกราฟิกมากเป็นพิเศษ
เนื่องจากวิสต้ามาพร้อมโปรแกรมแสดงผล "เดสก์ท็อป" ตัวใหม่ล่าสุด "แอโร 3-ดี" ซึ่งจะทำให้การแสดงภาพโฟลเดอร์ ไอค่อน และไฟล์ต่างๆ สวยกว่าวินโดว์ในอดีต จนไมโครซอฟท์นำมาโฆษณาว่า "ใครเห็นเข้าเป็นต้องร้องว้าว!"
ในส่วนของคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่จะออกขายและรองรับวิสต้าได้เลยนั้นจะมีเครื่องหมายการค้า (โลโก้) ของวินโดว์ วิสต้า ปรากฏอยู่ด้วย
จุดเด่นอีกข้อของวิสต้านอกเหนือจาก "แอโร 3-ดี" ได้แก่ ระบบสั่งงานด้วยเสียงและค้นหาข้อมูลต่างๆ ที่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ ซึ่งออกแบบให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
ระยะเวลาการค้นหารวดเร็ว และไม่ไปดึงให้ระบบการตอบสนองการสั่งงานของฟังก์ชันต่างๆ บนหน้าจอ หรือ หน้าเดสก์ท็อปเองช้าลงเหมือนกับวินโดว์รุ่นเก่า
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวต่างประเทศเริ่มรายงานข่าวถึง "จุดด้อย" ของวิสต้าที่ไม่ถูกใจผู้ใช้คอมพิวเตอร์ระดับมืออาชีพ
โดยกลุ่มผู้เขียนบล็อก หรือ "บล็อกเกอร์" ข่าวสารไอทีในสหรัฐ ได้ปลุกกระแสติติงความด้อยประสิทธิภาพของวิสต้าในทางลบ เช่น ระบบและไดรเวอร์ยังไม่สมบูรณ์ อาจต้องใช้เวลาปรับปรุงต่อไปอีก 2-3 ปี
ขณะที่บางกลุ่มชี้ว่า เหตุที่วิสต้าต้องการพื้นที่ในหน่วยความจำมาก ทำให้การใช้งานคอมพิวเตอร์ช้าลง และที่สำคัญคือมีราคาแพงเกินไป
นอกจากนั้น ยังมีเสียงเตือนด้วยว่า ภายหลังจากติดตั้งวิสต้า ระบบจะตรวจสอบไฟล์ในคอมพิวเตอร์และลบไฟล์เพลงและภาพยนตร์ที่ไม่มีลิขสิทธิ์ทิ้งทันที
ด้าน "แอนดรูว์ แม็กบีน" กรรมการผู้จัดการไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ยืนยันข้อดีของวิสต้า ว่า ตั้งใจพัฒนาออกมารองรับการใช้งานด้านมัลติมีเดีย เน้นการใช้งานที่ง่ายสำหรับกลุ่มลูกค้าในภาคธุรกิจ และผู้ใช้ตามบ้านที่ต้องการลดความยุ่งยากและค่าใช้จ่ายด้านไอที
คาดว่าคอมพิวเตอร์ที่จะจำหน่ายได้ในปีนี้ 1.2 ล้านเครื่อง จะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่จะใช้วิสต้า ส่วนปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทย ไมโครซอฟท์จะใช้วิธีรณรงค์ เพราะปิดกั้นได้ยาก แต่มองว่าความแตกต่างระหว่างซอฟท์แวร์ของแท้และของปลอม จะทำให้ผู้ใช้หันมาให้ความสำคัญกับลิขสิทธิ์มากขึ้น
อนาคตของวิสต้าจะโชติช่วงเช่นเดียวกับผู้บริหารไมโครซอฟท์วาดฝันไว้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูกันต่อไป
ที่มา: http://www.matichon.co.th
Link: http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03tec01060250&day=2007/02/06§ionid=0326
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment