ไทยผนึกสหรัฐใช้สเต็มเซลล์รักษาเสียงแหบ
สเต็มเซลล์รักษาเสียงแหบรายแรกของโลก ผลงานวิจัยร่วมไทย-สหรัฐ รักษาให้ผู้ป่วยในโรงพยาบาลรามาธิบดี สภาวิจัยหนุนพัฒนาสเต็มเซลล์รักษาโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดตีบ
เขียนโดย ดวงกมล สจิรวัฒนากุล
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ศ.ดร.อานนท์ บุณยะรัตเวช เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.)กล่าวว่า วช.สนับสนุนนักวิจัยไทยทำโครงการวิจัย ร่วมกับมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน มหาวิทยาลัยมหิดล และหลายหน่วยงานตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบัน มีผลการวิจัยที่เป็นฝีมือของคนไทยประสบผลสำเร็จแล้วหลายโครงการ เช่น การรักษาภาวะเสียงแหบด้วยสเต็มเซลล์ ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี การรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจด้วยสเต็มเซลล์ที่สถาบันโรคทรวงอก
สเต็มเซลล์ที่นำมารักษาผู้ป่วยเสียงแหบนั้น แพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดีนำเลือดของผู้ป่วยมาพัฒนาเป็นสเต็มเซลล์ จากนั้นฉีดเข้าไปในร่างกายของผู้ป่วยที่มีอาชีพครู เส้นเสียงที่แหบเครือสามารถทำงานได้ดี พูดสอนนักเรียนได้เหมือนเดิม มีผู้ป่วยเสียงแหบที่รักษาด้วยสเต็มเซลล์แล้ว 6 รายในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา คณะผู้วิจัยอยู่ระหว่างติดตามผลอย่างใกล้ชิด
ส่วนสเต็มเซลล์รักษาโรคหัวใจนั้นนำเลือดของผู้ป่วยมาพัฒนาเป็นสเต็มเซลล์ จากนั้นฉีดกลับเข้าร่างกายผู้ป่วย การวิจัยในผู้ป่วยรายแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2548 จนถึงปัจจุบันมีคนไข้ในโครงการวิจัย 5 ราย ทุกรายปลอดภัย แพทย์และนักวิจัยติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ส่วนอนาคตกำลังวิจัยโรคข้อเสื่อม โรคหลอดเลือดหัวใจ สำหรับสเต็มเซลล์ได้จากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้แก่เลือด ไขกระดูก ผิวหนัง ไขมัน เป็นต้น
สำหรับยุทธศาสตร์ชาติด้านการวิจัยสเต็มเซลล์นั้น เลขาธิการ วช.กล่าวว่า ต้องมีการวิจัยขั้นพื้นฐาน ค้นคว้าวิจัยระดับโมเลกุล ระดับเซลล์ เพื่อพัฒนาสู่ระดับที่ 2 คือการพัฒนาเทคโนโลยีด้านสเต็มเซลล์ นำไปสู่ขั้นที่ 3 การใช้ประโยชน์นำไปสู่การวิจัยทางคลินิก เพื่อรักษา บำบัดโรคต่างๆ
“วช.ผลักดันการวิจัยการรักษาโรคหัวใจ โรคไต ระบบประสาท สมอง ทั้งพาร์กินสัน หลอดเลือดหัวใจ พยายามให้มีการวิจัยระดับคลินิก มีความร่วมมือของนักวิจัยขั้นที่ 2 และขั้นที่ 3 เพื่อให้เกิดผลดีกับคนไทย คำนึงถึงจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ ให้เกิดผลดี มีความปลอดภัย ขั้นที่3 ระดับคลินิกเราทำได้ผลดี เร็ว ๆ นี้จะมีข่าวดีออกมาอีก การรักษาเสียงแหบถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของโลก”ศ.ดร.อานนท์ กล่าว
ทั้งนี้ ศักยภาพนักวิจัยไทยไม่ด้อยกว่าชาวต่างชาติ แต่ต้องใช้พรสวรรค์มากกว่าต่างประเทศ เพราะประเทศไทยให้การสนับสนุนสู้ต่างประเทศไม่ได้ ดังนั้น ต้องใช้ความทุ่มเท ขอให้นักวิจัยมีพื้นความรู้ความเข้าใจการวิจัยระดับพื้นฐานให้มาก จากนั้นพัฒนาสู่การวิจัยระดับสเต็มเซลล์ซึ่งเป็นการวิจัยขั้นสูง สร้างเครือข่ายการวิจัยร่วมกันโดยนักวิจัยมีความจริงใจต่อกัน มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อคนไข้ ส่วนรายได้ ผลประโยชน์ที่ตามมาเป็นอีกด้านหนึ่งที่ต้องบริหารจัดการแยกออกต่างหาก
ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นประธานกล่าวต้อนรับในโอกาสที่ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ร่วมกับมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา จัดประชุมเรื่อง Emerging Technology on Stem Cell ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย
การประชุมดังกล่าว เป็นเวทีให้นักวิจัยไทยได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การวิจัยสเต็มเซลล์กับผู้เชี่ยวชาญระดับโลก จัดขึ้นในวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์นี้ มีผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน นำเสนอผลการวิจัยด้านสเต็มเซลล์ อาทิเช่น ศ.ไคลฟ์ สเวนด์เซน (Clive Svendsen) เรื่องสเต็มเซลล์กับการซ่อมแซมสมอง พร้อมกันนี้ นักวิจัยจะทัศนศึกษานอกสถานที่ ไปยังจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมหิดล
ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com
Link: http://www.bangkokbiznews.com/2007/02/22/WW54_5401_news.php?newsid=55758
Thursday, February 22, 2007
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
2 comments:
เก่งจริงๆคนไทย
แต่ส่วนตัวแล้ว เวลาเสียงแหบจะใช้โพรพอลิส สเปรย์อ่ะ
เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากผึ้ง ก็ใช้ง่ายดีนะ พ่นแก้เสียงแหบดีมากเลย ที่สำคัญคือชอบเพราะพกไปใช้นอกบ้านสะดวกดี
ขอบคุณที่แนะนำคับน่าสนใจดีคับโพรพอลิสสเปรย์ เพราะผมเสียงแหบมากๆเลยคับเดี๋ยวลองซื้อมาใช้ดูคับ
Post a Comment