Tuesday, January 2, 2007

ทหารไฮเทค

ทหารไฮเทค 'สู้ร้อยชนะร้อย'

นอกจากวิทยาการด้านหุ่นยนต์ที่มาแรงแล้ว ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการทหารก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน ท่ามกลางการสู้รบในหลายประเทศทางตะวันออกกลาง และสถานการณ์ความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ของไทย
เทคโนโลยีด้านยุทโธปกรณ์ได้รับการออกแบบและพัฒนาขึ้น เพื่อสอดแนมหรือล้วงข้อมูลฝ่ายตรงข้าม ก่อนที่จะส่งกองกำลังเข้าประชิดจู่โจม

กองกำลังผึ้งดมกลิ่นระเบิด
นักวิจัยประจำห้องปฏิบัติการลอสอะลามอสแห่งสหรัฐ ซึ่งตั้งอยู่ในนิวเม็กซิโก และเป็นห้องแล็บด้านอาวุธนิวเคลียร์ชั้นนำของอเมริกัน ประสบความสำเร็จในการฝึกให้ผึ้งยื่นท่อที่ใช้ดูดน้ำหวานจากเกสรออกมา เมื่อได้กลิ่นวัตถุระเบิดโชยมาจากรถ หรือที่ซุกซ่อนอยู่ตามถนน และเข็มขัดที่นักระเบิดพลีชีพชอบใช้กันเพื่อก่อวินาศกรรม

โครงการวิจัยดังกล่าวใช้เวลา 18 เดือนนี้มีชื่อว่า โครงการเซ็นเซอร์แมลงสอดแนม นักวิจัยได้ฝึกให้ผึ้งดมและจดจำกลิ่นระเบิด ทุกครั้งที่มันทำได้พวกเขาจะให้น้ำเชื่อมเป็นรางวัล ทีมวิจัยได้จัดหาวัตถุที่ใช้ทำระเบิดหลายชนิดมาให้ผึ้งดมและจำกลิ่น ไม่ว่าจะเป็น ไดนาไมต์ ระเบิดพลาสติกซีโฟร์ รวมไปถึงดินระเบิดที่ผู้ก่อการร้ายใช้วางระเบิดในอิรัก
กล้องวิเศษส่องทะลุกำแพง

ปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกันที่ถูกจับอยู่ในบ้าน ทุกครั้งตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมักเจาะกำแพงอาคารใต้บริเวณที่เจ้าหน้าที่ปิดล้อมอยู่ และสอดกล้องจิ๋วเข้าไป เพื่อสอดแนมพฤติกรรมของคนร้าย แต่การขุดเจาะอาคารมักเกิดเสียงดัง ทำให้คนร้ายไหวตัวทัน บริษัทเทคโนโลยีของอังกฤษรายหนึ่งได้พัฒนากล้องทะลุทะลวงขึ้นมาเรียกว่า "ปริซึ่ม 200" เพื่อใช้มองทะลุกำแพงดูการเคลื่อนไหวของคนร้าย

กล้องทำงานโดยอาศัยหลักการสะท้อนกลับของเรดาร์คลื่นสั้น ด้วยความถี่ 100 ครั้งต่อวินาที จากนั้นฟังเสียงสะท้อนจากด้านในอาคารแล้วนำมาวิเคราะห์ เรดาร์นี้มีรัศมีทำงาน 20 เมตรโดยรอบ เพียงแค่ติดไว้ที่กำแพง หรือวางไว้บนโต๊ะห่างกำแพง 2-3 เมตร อย่างไรก็ดี การทำงานของเครื่องมือไฮเทคดังกล่าวยังมีข้อจำกัด หากห้องที่คนร้ายยึดกุมพื้นที่มีขนาดใหญ่และโล่ง ปริซึ่ม สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของคนที่อยู่ภายในโดยการใช้เรดาร์เป็นเรื่องง่าย แต่หากพื้นที่ว่างถูกกั้นด้วยสิ่งของอาทิ เก้าอี้ หรือโต๊ะ การสะท้อนกลับของเรดาร์จะตีความได้ยากมากขึ้น

กล้องอินฟราเรดเห็นชัดลึก
โครงการวิจัยจากยุโรปพัฒนาต้นแบบกล้องอินฟราเรดต้นแบบ ช่วยมองฝ่าทัศนวิสัยที่ยากต่อการมองเห็น เช่น หมอกหนา ฝนตกหนัก หรือมองฝ่าที่มืด ทั้งนี้นักวิจัยออกแบบเซ็นเซอร์ขึ้น 2 แบบ ไว้ตรวจจับคลื่นอินฟราเรดแบบแถบสั้นและแถบยาว จากนั้นรวมเอาข้อมูลจากกล้องทั้งสองเข้าด้วยกัน ก็จะได้ภาพที่สมบูรณ์

ในการทดสอบด้วยเครื่องจำลองสภาพทัศนวิสัยเลวร้ายพบว่า ระบบอินฟราเรดดังกล่าวช่วยให้นักบินสามารถตรวจจับสิ่งที่เป็นอุปสรรคได้ดีขึ้นเป็นสองเท่า หรือเห็นสิ่งกีดขวางที่ระยะ 600 เมตรด้วยตาเปล่า ทำให้มีเวลาในการหลบหลีกมากขึ้น ขณะที่ช่วยให้พลขับมองเห็นได้ดีขึ้นกว่าเดิม 4 เท่า จึงเป็นไปได้ว่ากล้องต้นแบบนี้อาจผลิตออกมาใช้กับกิจการทหาร เครื่องบินพาณิชย์และรถยนต์เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่

หมวกทหารเห็นภาพ-เสียงรอบทิศ
นักประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน พัฒนาอุปกรณ์ที่เรียกว่า "เบรนพอร์ต" เป็นชุดสวมศีรษะสำหรับติดกล้องดิจิทัล ตัวจับสัญญาณเสียงและอุปกรณ์อื่นๆ โดยสัญญาณจากอุปกรณ์เหล่านี้จะถูกพ่วงผ่านลิ้นมายังสมอง ช่วยให้ทหารสามารถรับรู้การเคลื่อนไหวรอบข้างได้ดีเหมือนกับสัตว์บางชนิดที่มีประสาทสัมผัสพิเศษ เช่น นกเค้าแมว งู และปลา

อุปกรณ์ดังกล่าวใช้เวลาพัฒนากว่า 30 ปี จะทำให้หน่วยทหารพรานสามารถมองเห็นภาพรอบทิศทางยามกลางคืน ขณะที่หน่วยนาวิกโยธินสามารถจับคลื่นเสียงผ่านเข้ามาในหัวระหว่างปฏิบัติการใต้ผืนน้ำ

"เป้าหมายด้านการทหารคือ ช่วยให้พวกเขาไม่ต้องคอยถืออุปกรณ์ หรือสวมแว่นพิเศษให้เกะกะตา ทำให้การปฏิบัติงานค้นหาทุ่นระเบิดสะดวกคล่องตัว และสามารถว่ายไปยังตำแหน่งได้ถูกต้องในพื้นที่ขมุกขมัว ขั้นต่อไปคือพัฒนาให้ใช้ตรวจจับคลื่นเสียง ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้มีขนาดพอกับกล่องอาหารกลางวัน ถ้าวันใดสามารถพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงจนติดตั้งกับอุปกรณ์สวมศีรษะได้แล้ว จะสามารถใช้กวาดหาตำแหน่งเสียงได้รอบศีรษะ และสามารถรับรู้เสียงย่านความถี่ต่ำได้บนลิ้นช่วยยืนยันในสิ่งที่ตาเห็น" ดร.อนิล ราช นักวิทยาศาสตร์ หัวหน้าโครงการ กล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

No comments: