อินเทลเปิดผลสำเร็จชิพ45นาโนเขย่าวงการ
สูตรลับไฮเค+เมทัลเกต พิสูจน์ความคงอยู่กฏของมัวร์
อินเทลเผยความสำเร็จครั้งใหญ่ ล้ำหน้าคู่แข่ง 2 ปี พัฒนาเทคโนโลยีผลิตชิพระดับ 45 นาโนได้เป็นรายแรกของโลก ด้วยสูตรลับ "ไฮเค+เมทัลเกต" เร่งประสิทธิภาพ - ลดการรั่วไหลของกระแสไฟ ช่วยแก้ปัญหาเครื่องร้อน ย้ำใช้ได้กับโอเอสทุกแพลตฟอร์ม เตรียมส่งชิพเซตลอตแรกครึ่งปีแรกปีหน้า ยัน "เซเลอรอน" ยังอยู่ แถมสมถรรถนะสูงขึ้น
นายมาร์ค บอหร์ ผู้บริหารอาวุโสของอินเทล กล่าวผ่านเวบแคสในโอกาสเผยความสำเร็จครั้งใหม่ในวงการชิพทั่วโลกว่า อินเทลประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิพระดับ 45 นาโนเมตรได้เป็นรายแรกของโลก และเป็นความก้าวหน้าล่าสุดของวงการชิพ หลังจากบริษัทผลิตชิพด้วยเทคโนโลยีระดับ 65 นาโนเมตรเมื่อ 2 ปีก่อน
เทคโนโลยีใหม่ถือเป็นพัฒนาการของการผลิตชิพระดับนาโน สเกล ภายใต้สถาปัตกรรมหลักของอินเทล ซึ่งแตกต่างจากการพัฒนาวิธีการผลิตชิพในท้องตลาด ซึ่งเดิมขนาดของชิพที่เล็กลง จะยิ่งเพิ่มการคายความร้อนของกระแสไฟฟ้า ส่งผลให้ตัวเครื่องเกิดความร้อน แต่สูตรผสมใหม่ "ไฮเค+เมทัลเกต" ที่เป็นสารผสมเฉพาะของอินเทลจะช่วยให้กระแสไฟรั่วไหลต่ำมาก ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้น
"สารผสมดังกล่าวถือเป็นการปฏิวัติวงการชิพที่มีจุดเด่นที่ช่วยลดความร้อนได้ถึง 10 เท่า และเพิ่มความเร็วเครื่องให้ทำงานเร็วขึ้นเท่าตัว ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ใช้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้เครื่องแม่ข่ายจะเห็นผลได้ชัดเจนมาก" นายบอหร์ กล่าว
ทั้งยังระบุว่า ชิพที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีใหม่มีความสามารถในการประมวลผลภาพ เสียง และกราฟฟิกได้ดีขึ้น ทั้งยังทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นวินโดว์ส วิสต้า, เอ็กซ์พี, แมค โอเอส เอ็กซ์ และลินิกซ์ โดยบริษัทเตรียมผลิตชิพรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวภายใต้โค้ดเนมว่า "เพนริน (Penryn)" ภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2551 ซึ่งจะรองรับการทำงานของผู้ใช้ได้ทุกกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มผู้ใช้เครื่องเดสก์ทอป, โน้ตบุ๊ค และเครื่องแม่ข่าย ระดับกลางถึงสูง
เทคโนโลยีดังกล่าว ยังถือเป็นการตอกย้ำความแม่นยำของ "กฎของมัวร์" ซึ่งระบุไว้ว่า ทุกๆ 2 ปี จำนวนทรานซิสเตอร์ในตัวชิพจะเพิ่มขึ้น 2 เท่า โดยช่วงครึ่งปีหลังปีนี้อินเทลคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ ที่โรงงาน 2 แห่งในสหรัฐ ก่อนจะปรับการผลิตทั้งหมดเป็นเทคโนโลยี 45 นาโมตรในโรงงานครบ 3 แห่งภายในครึ่งปีแรกของปี 2551
นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความสำเร็จดังกล่าวเป็นการก้าวนำตลาด และคู่แข่งประมาณ 2 ปี ซึ่งทำให้อินเทลสามารถผลิตสินค้าในปริมาณที่มากกว่าเทคโนโลยีเดิมเท่าตัว และมีต้นทุนต่ำลง และยังเป็นการเร่งการเข้าสู่ยุคของชิพมัลติคอร์ ซึ่งมีความสามารถในการทำงานที่หลากหลายมากขึ้น
หลังจากเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ในการผลิตชิพครั้งนี้ บริษัทจะสามารถผลิตชิพเซ็ตออกมารองรับได้ภายในครึ่งปีแรกของปี 2551 ซึ่งคาดว่า แง่ของราคาจะไม่แตกต่างจากเทคโนโลยีเก่ามากนัก เนื่องจากวิธีใหม่สามารถผลิตได้จำนวนมากขึ้น แต่ต้นทุนลดลง
ส่วนแง่ประสิทธิภาพการทำงานน่าจะสามารถเปรียบเทียบผลได้ชัดเจนในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในช่วงให้กลุ่มโออีเอ็มทดสอบประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม สำหรับชิพที่ผลิตจากเทคโนโลยีเดิมก็จะค่อยๆ ออกสู่ตลาด และแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่อย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่คาดว่าหน่วยประมวลผลรุ่นระดับล่างอย่าง "เซเลอรอน" จะยังไม่หายไปจากตลาดแน่นอน แต่อาจประยุกต์ความสามารถของสถาปัตยกรรมการผลิตชิพปัจจุบันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของชิพตัวเดิมให้สูงขึ้นแทน
ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com/viewNews.jsp?newsid=151287
Link: http://www.bangkokbiznews.com/viewNews.jsp?newsid=151287
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment