3 วันที่แล้ว โครงการสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติ (ยูเนป) ออกรายงานฉบับใหม่เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำแข็งและหิมะของโลก
ข้อมูลที่พยายามสื่อสารบอกกับชาวโลก ก็คือ ขณะนี้ปริมาณน้ำแข็งและหิมะในแถบ "อาร์กติก" ซึ่งตั้งอยู่บริเวณขั้วโลกเหนือ กำลังละลายกลายเป็น "น้ำ" อย่างน่าวิตก เพราะผลจากวิกฤตโลกร้อน!
ยูเนป สำรวจพบว่า เมื่อเทียบกับช่วง 30-40 ปีก่อนปริมาณแผ่นน้ำแข็งและธารน้ำแข็งในอาร์กติกลดหายไปจากเดิมราวๆ 7-10 เปอร์เซ็นต์ น้ำแข็งและหิมะขั้วโลกมีความสำคัญก็เพราะมันทำหน้าที่เป็นเหมือนกับ "กระจก"
คอยสะท้อนพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์กลับออกไปนอกโลก แตกต่างจากน้ำ ซึ่งมีคุณสมบัติดูดซับความร้อน เมื่อน้ำแข็งขั้วโลกหายไป อุณหภูมิของโลกย่อมสูงขึ้นโดยปริยาย ส่วนที่ละลายออกมาเป็นน้ำ ก็จะไปเพิ่มระดับ "น้ำทะเล" ของโลกให้สูงขึ้น ทำให้ชายฝั่งของชาติที่ตั้งอยู่ในทะเล หรือ ติดทะเล ถูกกลืนหายไป
ปรากฏการณ์น้ำแข็งของโลกละลายนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับแถบอาร์กติกที่เดียว แต่ยังเกิดกับน้ำแข็งบนภูเขาสูงหลายแห่ง เช่น เขาหิมาลัยผลกระทบประการแรกเลยที่เกิดขึ้นจากภาวะน้ำแข็งหายไป ก็จะส่งผลให้ "สิ่งมีชีวิต" ในพื้นที่ค่อยๆ สูญพันธุ์ตามไปด้วย
ส่วนประชากรท้องถิ่นในอนาคตก็จะประสบกับปัญหาขาดแคลนน้ำใช้และน้ำเพื่อการเกษตรภัยโลกร้อนที่จะอุบัติขึ้นนั้นมีคนทำนายไว้ในแนวทางเดียวกับยูเนปเช่นนี้เยอะมาก แต่ทางแก้ไขยังมืดแปดด้าน ล่าสุด รัฐบาลจีนเพิ่งประกาศออกมาว่า พัฒนาการทางอุตสากรรม ซึ่งเป็นตัวการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศนั้นสำคัญกว่าปัญหาโลกร้อน ขณะที่รัฐบาลสหรัฐก็ยืนยันเช่นเดียวกัน ดังนั้นในอนาคตอะไรจะเกิดก็คงต้องแล้วแต่บุญแต่กรรมล่ะครับ
ที่มา: http://www.matichon.co.th/
Link: http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03tec05070650&day=2007/06/07§ionid=0326
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment