Tuesday, July 31, 2007

ดัดแปลงสามล้อวิ่งด้วยไฟฟ้า ระบบเกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์

ลูกหม้อมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.อีสาน) แปลงรถสามล้อธรรมดาให้กลายเป็นรถสามล้อไฟฟ้าช่วยผู้พิการและคนชราออกไปทำธุระนอกบ้านได้ ไม่สร้างภาระให้แก่ผู้คนรอบข้างอีกต่อไป

นายธีระพันธ์ เสยกระโทก ศิษย์เก่า มทร.อีสาน ที่ผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการก่อตั้งบริษัท อินเวนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด พัฒนาสามล้อไฟฟ้าโดยได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกกรมแห่งชาติมูลค่า 2 แสนบาท เพื่อนำมาพัฒนารถสามล้อไฟฟ้าต้นแบบ ปรับปรุงรูปลักษณ์ และน้ำหนักเบา เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

รถสามล้อไฟฟ้าสามารถเร่งความเร็วได้ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยสตาร์ทเครื่องจากสวิตช์ และอาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 12 โวลล์ 7 แอมป์ ครั้งละ 2 ลูก และมีแบตเตอรี่สำรอง 2 ลูก สามารถใช้งานต่อเนื่องประมาณ 40 กิโลเมตร

นักวิจัยเลือกใช้ระบบเบรกแบบก้ามปูสำหรับล้อหน้า และเบรกลมสำหรับล้อหลังเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ใช้รถสามล้อไฟฟ้าที่ต้องการความคล่องตัวในการทำกิจกรรม เช่น การประกอบอาชีพขายไอศกรีม ขายลอตเตอรี่ หรือประกอบอาชีพอื่นๆ

นอกจากนี้ ยังเพิ่มกระบะท้ายสำหรับเก็บสัมภาระด้วย แต่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่เป็นขนาด 14 โวลล์ 26 แอมป์ 2 ลูก เพื่อให้สามารถเคลื่อนที่พารถและสิ่งของที่บรรทุกประมาณ 100 กิโลกรัมไปได้อย่างคล่องตัว

คุณสมบัติที่ยังต้องพัฒนาเพิ่มคือระบบการเคลื่อนที่ไปทางด้านหลัง เนื่องจากคันต้นแบบสามารถวิ่งไปข้างหน้าได้อย่างเดียวด้วยระบบเกียร์ออโต้ และยังต้องพัฒนาให้สามารถวิ่งบนพื้นผิวที่ลาดเอียงและชันได้มากกว่า 20-30 องศา เพื่อความสะดวกในการเข้าถึงพื้นที่

"การนำรถสามล้อมาติดตั้งระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าจากรถเข็นธรรมดาที่ต้องใช้แรงโยกเป็นสามล้อไฟฟ้าเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนที่หรือขนย้ายสิ่งของระยะทางไกลๆ โดยผู้ที่มีรถอยู่แล้วสามารถนำมาติดตั้งได้เลย โดยค่าติดตั้งประมาณ 1.5 หมื่นบาท แต่สามารถมีความมั่นใจไปไหนได้ด้วยตัวเอง" ศิษย์เก่าเจ้าของผลงานวิจัย กล่าว

ผู้ที่สนใจนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้เพื่อช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมในด้านการใช้น้ำมัน สามารถเข้าดูรายละเอียดข้อมูลรถได้ที่เวบไซต์ www.tarad.com/e-bike/ ซึ่งมีรูปแบบการดัดแปลงให้เลือกดูหลากหลายตามแต่ประโยชน์การนำไปใช้

ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

No comments: