Monday, July 9, 2007

โบอิง 787 "ดรีมไลเนอร์" อากาศยานสีเขียวบินไกลใช้เชื้อเพลิงน้อย


เอพี/เอเอฟพี – “โบอิง” บริษัทผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของโลกกำลังเริ่มปฏิวัติ “สีเขียว” ด้วยการออกเครื่องบินโดยสารรุ่น “ดรีมไลเนอร์” บินในเส้นทางบินระยะไกลโดยใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่าเครื่องบินทั่วไปร้อยละ 20 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณน้อยกว่า

บริษัทโบอิง (Boeing) เปิดตัว โบอิง 787 ”ดรีมไลเนอร์” (Dreamliner) อย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่สหรัฐอเมริกา ท่ามกลางสาธารณชนนับพันที่เฝ้าจับตาดูอากาศยานรูปแบบใหม่ตามคำโฆษณา ที่ออกตัวว่าดรีมไลเนอร์จะเป็นเครื่องบินโดยสารใหม่ในรอบ 13 ปีที่พัฒนาทั้งการออกแบบและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

โครงสร้างลำตัวของโบอิง 787 ใช้วัสดุประเภทพลาสติกคอมโพสิตเทคโนโลยีสูงแทนการใช้อะลูมิเนียม โครงสร้างพื้นฐานของเครื่องบินประมาณร้อยละ 50 เช่นลำตัวและปีกจะทำมาจากวัสดุคอมโพสิต เช่น คาร์บอน-ไฟเบอร์ โดยคำนวณว่าชิ้นส่วนลำตัว 1 ส่วนจะลดการใช้แผ่นอะลูมิเนียมได้ถึง 1,500 แผ่น และลดจำนวนหมุดยึดได้ 40,000-50,000 ตัว

อย่างไรก็ดี วัสดุคอมโพสิตที่ใช้กับเครื่องบินโบอิ้ง 787 แข็งแรงและเบากว่าวัสดุที่ใช้ในปัจจุบัน ส่งผลให้เครื่องบินใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะใช้เชื้อเพลิงลดลงร้อยละ 20 เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องบินขนาดเดียวกัน และเดินทางในเส้นทางเดียวกัน ส่งผลให้ค่าโดยสารสำหรับเดินทางระยะไกลมีราคาถูกลง อีกทั้งการใช่เชื้อเพลิงน้อยลงทำให้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ในปริมาณน้อยกว่า

ส่วนนวัตกรรมอื่นๆ ของโบอิง 787 ที่ช่วยให้ผู้โดยสารสะดวกสบายยิ่งขึ้น อาทิ หน้าต่างที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ระดับความชื้นในห้องโดยสารที่สูงกว่าเดิมเพื่อลดภาวการณ์ขาดน้ำในกรณีที่เดินทางไกล และระบบใหม่ที่ใช้ต้านทานความปั่นป่วนต่างๆ

เครื่องบินโดยสารไอพ่น รุ่น 787 ดรีมไลเนอร์ ที่โบอิงภาคภูมิใจนี้มี 3 รุ่น รุ่นแรก สามารถจุผู้โดยสารได้ 210-250 คน เดินทางได้ไกลถึง 14,160 - 15,112 กม., รุ่นที่ 2 จุผู้โดยสารได้ 250-290 คน เดินทางได้ไกล 14,805 - 15,770 กม. และรุ่นที่ 3 สามารถจุผู้โดยสารได้ 290 - 330 คน สำหรับเดินทางช่วงสั้นๆ ประมาณ 8,530 - 10,460 กม.

โบอิงมีแผนผลิตดรีมไลเนอร์ให้ได้ 2,000 ลำภายในช่วง 20 ปี และขณะนี้มียอดคำสั่งซื้อแล้ว 677 เครื่อง จากบริษัทด้านการบิน 47 แห่ง ซึ่งสนนราคาต่อลำอยู่ที่ประมาณ 146-200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 5,000-7,000 ล้านบาท) และถ้ายอดในการเปิดตัวครั้งแรกเต็ม โบอิงจะเปิดจองอีกครั้งในอีก 10 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ โบอิงจะทดสอบการบินเที่ยวแรกในช่วง ส.ค.-ก.ย.นี้ ก่อนจะนำมาให้บริการเชิงพาณิชย์ครั้งแรกกับสายการบินออล นิปปอน แอร์เวย์ (All Nippon Airways : ANA) ในเดือนเม.ย.ปีหน้า ซึ่งเอเอ็นเอได้สั่งจองเครื่องบินล็อตนี้ก่อนใครตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว

ที่มา: http://www.manager.co.th/
Link: http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9500000079812

No comments: