Tuesday, October 30, 2007

"ท้องฟ้าจำลอง" ผ่านไปกว่า 40 ปีวันนี้ยังอยู่ดีไหมเอ่ย


มีท้องฟ้าจำลองเปิดใหม่ที่รังสิตเขาลือกันว่าที่นั่นมีเครื่องฉายดาวสุดทันสมัยในเอเชีย มีโอกาสจึงได้แวะเวียนไปเยือน 2 ครั้งและก็ไม่ผิดหวังกับระบบฉายดาวที่ดูตื่นตาตื่นใจเหมือนได้เข้าไปชมโรงภาพยนตร์ 3 มิติ แต่ก็อดนึกถึงท้องฟ้าจำลองที่เอกมัยไม่ได้ว่ายังอยู่ดีหรือเปล่า

การเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางของ "ท้องฟ้าจำลอง" ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษารังสิตไม่ได้เป็นการแย่งชิงลูกค้า หากแต่เป็นการกระจายการให้บริการและแบ่งเบาภาระกว่า 40 ปีของท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ ซึ่งย่อเอกภพอันกว้างไกลลงบนพืนฟ้าจำลองย่านเอกมัยให้เด็กๆ และผู้ใหญ่ได้ท่องจินตนาการออกไปในโลกของอวกาศและดวงดาว

หากเปรียบเป็นคนท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ ซึ่งตั้งขึ้นเป็นแห่งแรกของไทยก็เข้าสู่วัยกลางคนแล้วและคงได้เห็นการเติบโตของเด็กๆ หลายรุ่นต่อหลายรุ่น จากเด็กเล็กที่อาจจะเคยวิ่งซนรอบศูนย์วิทยาศาสตร์ วันนี้พวกเขาอาจจะกำลังเฝ้ามองลูกๆ ที่กลายเป็นลิงทะโมนอยู่นอกโรงฉายท้องฟ้าจำลองก็ได้

"สถานที่ตรงนี้ก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา" นางผณินทร มหาเอกอนันต์ คุณแม่วัย 37 ที่นำลูกๆ วัยซน 3 คนมาชมท้องฟ้าจำลองพร้อมกับพ่อบ้านในวันหยุดสุดสัปดาห์กล่าวพร้อมกับท่าทางคล้ายกับหวนระลึกถึงความหลัง โดยเธอและครอบครัวเลือกเดินทางมาพักผ่อนกันที่ท้องฟ้าจำลองด้วยเสียงเรียกร้องของลูกชายวัย 5-6 ขวบที่ได้มาเยือนแหล่งความรู้นี้พร้อมกับโรงเรียนก่อนหน้าไม่นานนัก

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนนางผณินทรก็เคยมาเยือนท้องฟ้าจำลองหลายครั้งจากกิจกรรมที่ทางโรงเรียนจัดให้ แต่เมื่อหลายสิบปีก่อนนั้นเธอสารภาพว่าไม่ได้ตั้งใจฟังสิ่งที่วิทยากรบรรยายนักเพราะมัวแต่ห่วงสนุกกับเพื่อนๆ พอโตขึ้นแล้วได้นำลูกๆ มาเองคราวนี้เธอเข้าใจในสิ่งที่วิทยากรถ่ายทอดมากกว่าเดิมเพราะเธอมีสมาธิที่จะฟังมากขึ้น และคิดว่าผู้ใหญ่ที่ได้มาเยือนสถานที่ให้ความรู้เช่นนี้ก็คงอยากจะพาลูกๆ มาบ้าง

"แต่ (รูปแบบ) สถานที่ยังน่าสนใจน้อยกว่าห้าง" นางผณินทรให้ความเห็นพร้อมทั้งแนะว่าควรจะปรับปรุงสถานที่ให้น่าสนใจขึ้น และถ้ามีการประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักเรื่อยๆ ก็จะดีมาก

ด้านนางสมภัสสร อินทรภู่ คุณแม่วัย 46 มาเยือนท้องฟ้าจำลองพร้อมลูกชาย หลานและญาตินับสิบคน โดยญาติๆ เดินทางมาไกลจากภาคใต้เพื่อมาเยี่ยมเธอที่กรุงเทพฯ เธอจึงชักชวนสมาชิกในครอบครัวใหญให้มาเยือนแหล่งความรู้ดาราศาสตร์ที่เธอมักจะแวะเวียนมาเป็นประจำ

"ดีค่ะ มาบ่อย ท้องฟ้าจำลองก็ดี นิทรรศการก็ดีมีการเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ แต่อยากให้ปรับปรุงเพราะนิทรรศการยังดูยากไป นิทรรศการน่าจะดูง่ายกว่านี้" นางสมภัสสรกล่าว หลังจากนั้นก็พอลูกชายไปทดลองชั่งน้ำหนักซึ่งมีมาตรวัดที่บอกว่าน้ำหนักคนเราจะเป็นเท่าไหร่บนดวงจันทร์ที่มีแรงโน้มถ่วงน้อยกว่า

ขณะที่ท้องฟ้าจำลองได้เปิดฉายดาวรอบสุดท้ายของวันในเวลา 14.30 น. อีกครอบครัว "พุฒิวณิชย์พิมร" ที่มาไม่ทันก็ได้เดินชมนิทรรศการกลางแจ้งที่จัดแสดงอยู่ด้านนอกโรงฉาย โดยพ่อ แม่และลูกสาววัย 5 ขวบซึ่งเดินทางมาจาก จ.ปราจีนบุรีไม่เคยเยือนศูนย์วิทยาศาสตร์เก่าแก่นี้เลย อย่างไรก็ดีนายสุรพลก็ได้แสดงความเห็นถึงสิ่งที่ศูนย์ต้องปรับปรุงหลายอย่าง

"เป็นแหล่งความรู้แต่ไม่พัฒนาเลย ทุกจุดเก่าและโทรม ใช่เพียงแค่รักษาสภาพเดิมไว้เท่านั้นแต่ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ ต้องปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ เพราะคนเราไม่ได้หวังมาครั้งเดียวแล้วไม่มาครั้งที่ 2-3 อีก ดูอย่างห้างที่มีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลาคนที่ไปแล้วก็อยากไปอีก และเรื่องความปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญมาก อย่างเครื่องบิน-รถไฟ (นิทรรศการที่อยู่กลางแจ้ง) ไม่ปลอดภัยเลย เก่าและมีสนิมเต็ม ก็ควรมีป้ายบอกว่าห้ามเข้าใกล้เพราะเด็กอาจจะปีนป่ายได้" นายสุรพลกล่าวถึงสิ่งที่ต้องปรับปรุง

แม้จะสร้างความทรงจำดีๆ ตราตรึงไว้ในความทรงจำของเด็กหลายคน แต่คล้ายว่าท้องฟ้าจำลองกำลังโรยรากับหน้าที่อันยาวนานกว่า 4 ทศวรรษและยังต้องเผชิญกับการเติบโตของห้างสรรสินค้าที่เร้าใจและดึงดูดเยาวชนให้ห่างออกไปจากแหล่งบ่มเพาะความรู้และความรักในวิทยาศาสตร์นี้ได้มากกว่า บางทีผู้ปกครองและโรงเรียนก็คือแรงฉุดสำคัญที่ยังทำให้สถานที่แห่งนี้ยังคงหยัดยืนอยู่ได้

ที่มา: http://www.manager.co.th/
Link: http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9500000118270

No comments: