Thursday, November 29, 2007

มือนาโนตรึงเม็ดเลือดไขปริศนายามะเร็ง-มาลาเรีย

นักวิจัยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ถ่ายทอดความรู้ให้นักวิจัยไทยในการประชุมวิทยาศาสตร์นานาชาติเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ เผยผลงานมือจิ๋วระดับนาโนเมตรตรึงเม็ดเลือดแดงเพื่อวัดความยืดหยุ่น ใช้ประโยชน์ในห้องแล็บผลิตและทดสอบฤทธิ์ยา รวมทั้งวินิจฉัยโรคมาลาเรียและมะเร็ง

สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์จัดการประชุมวิทยาศาสตร์นานาชาติเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ครั้งที่ 6 ซึ่งมีนักวิทยาศาสตร์จาก 44 ประเทศเข้าร่วม เชิญ ศ.ดร.ซูบรา ซูเรซ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (เอ็มไอที) สหรัฐอเมริกา ถ่ายทอดผลงานความสำเร็จในการพัฒนาชุดตรวจวัดความยืดหยุ่นของเม็ดเลือดแดงสำหรับใช้ประโยชน์ในห้องแล็บผลิตยา และตรวจวินิจฉัยโรคเลือดบางชนิด

ศ.ดร.ซูบรากล่าวว่า ในคนทั่วไปเม็ดเลือดแดงมีขนาด 8 ไมครอน เมื่อต้องเคลื่อนที่ผ่านเส้นเลือดขนาดต่างๆ ซึ่งเล็กสุดอยู่ที่ 2 ไมครอน เม็ดเลือดแดงจะบีบตัวเพื่อที่จะผ่านเส้นเลือดขนาดเล็กได้

แต่กรณีผู้ป่วยมาลาเรียเชื้อมาลาเรียจะทำให้เยื่อหุ้มเซลล์ของหลอดเลือดเปลี่ยนแปลง เม็ดเลือดไม่สามารถบีบตัวเข้าสู่หลอดเลือด ทำให้เกิดเส้นเลือดอุดตัน หรือกรณีผู้ป่วยมะเร็ง เซลล์มะเร็งจะทำปฏิกิริยาให้เม็ดเลือดยืดหยุ่นมากเกินไป จนสามารถไหลผ่านออกนอกเส้นเลือด และเป็นสาเหตุให้เซลล์มะเร็งกระจายทั่วร่างกาย

จากองค์ความรู้ดังกล่าวศ.ดร.ซูบรา จึงคิดค้นและพัฒนาอุปกรณ์วิเคราะห์การยืดหยุ่นของเม็ดเลือด โดยสร้างตัวยึดขนาดจิ๋วหรือระดับนาโนเมตร ยึดติดเม็ดเลือดแดงที่ได้จากการเจาะเลือด แล้วยิงเลเซอร์เพื่อให้ตัวยึดยืดออก จากนั้นก็ตรวจวัดหาความผิดปกติในการยืดหยุ่น เปรียบเทียบการยืดหยุ่นที่เกิดในร่างกาย ประโยชน์ที่จะได้จากการยึดเม็ดเลือดนี้ สามารถใช้ในการวิจัยทดสอบยา และพัฒนาสู่การตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งและมาลาเรีย

"ทีมงานจะพัฒนาตัวยึดจิ๋วนี้ให้เป็นอุปกรณ์ตรวจวัดแบบเคลื่อนที่ เพื่อรองรับการใช้งานในห้องแล็บให้สะดวกมากขึ้น" ศ.ดร.ซูบรา กล่าว

ศ.ดร.ศกรณ์มงคลสุข หัวหน้าห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีชีวภาพ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ กล่าวว่า สถาบันกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ มีความร่วมมือทางวิชาการกันอยู่แล้ว ในส่วนของ ศ.ดร.ซูบรา จะเป็นโครงการอนาคตที่จะร่วมกันทดสอบยา ในกลุ่มยาต้านมะเร็งและยาต้านมาลาเรีย โดยใช้ชุดตรวจวัดความยืดหยุ่นของเม็ดเลือดนี้ เป็นอุปกรณ์หลักในการทดสอบฤทธิ์ยา

ที่มา: หลังสือพิมพ์คมชัดลึก

No comments: