Thursday, June 19, 2008

หวั่นสินค้านาโนเกลื่อนตลาดตั้งมาตรฐานรับรองความปลอดภัย

สินค้ายุคใหม่เอะอะอะไรก็อ้างนาโน คุยฟุ้งว่าเพิ่มประสิทธิภาพขจัดคราบแบคทีเรีย กำจัดไวรัส แต่ยังไม่มีใครรู้ชัดว่าผลิตภัณฑ์นาโนปลอดภัยต่อผู้บริโภคแค่ไหน

ความกังวลดังกล่าวส่งผลให้ 30 ประเทศสมาชิกด้านนาโนเทค เร่งหารือจัดทำมาตรฐานตรวจรับรองความปลอดภัยผลิตภัณฑ์นาโน พร้อมนิยามความหมายให้เข้าใจตรงกันทั่วโลก

ดร.นพวรรณ ตันติพัฒน์ รองผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ที่ประชุมมาตรฐานไอเอสโอนาโนเทคโนโลยี (ISO/TC229) เตรียมพิจารณาจัดทำมาตรฐานความปลอดภัยสินค้านาโนเพื่อประโยชน์ด้านการทดสอบและการรับรอง พร้อมทั้งจัดทำโมเดลมาตรฐานที่บางประเทศเลือกนำไปทดลองใช้ แต่จะใช้งานจริงหรือไม่ในอนาคต ขึ้นอยู่กับมติของประเทศสมาชิก

“เหตุที่มาตรฐานรองรับนาโนเทคโนโลยีออกมาช้า เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละประเทศสมาชิกมีจำนวนน้อย บางครั้งประเทศสมาชิกก็ไม่ส่งเข้าร่วมประชุม ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างล่าช้า แต่การจัดทำมาตรฐานต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผลิตภัณฑ์นาโนทั่วโลก” ดร.นพวรรณ กล่าว

ที่ผ่านมา แม้จะยังไม่มีมาตรฐานรองรับความเป็นนาโน แต่ก็มีตราสัญลักษณ์รับรองการเป็นผลิตภัณฑ์นาโน โดยอาศัยคุณลักษณะของนาโนเป็นตัวกำหนด เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจ

ศูนย์นาโนเทคอยู่ระหว่างดำเนินการวิจัย เพื่อเตรียมข้อมูลรองรับความปลอดภัยด้านนาโนเทคโนโลยีเช่นกัน โดยแบ่งเป็น 4 เรื่องหลักคือ การศึกษาความเครียดของโปรตีนหลังได้รับอนุภาคนาโนในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การศึกษาความเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมจากการซักล้างเสื้อผ้าที่เป็นนาโน การศึกษาความเป็นพิษของสารนาโนในผ้าต่อเซลล์เนื้อเยื่อในห้องปฏิบัติการ

นอกจากนี้ยังติดตามระดับความเข้มข้นของฝุ่นไททาเนียมไดออกไซด์และนาโนคาร์บอนในห้องปฏิบัติการ สำหรับรองรับมาตรฐานที่จะนำมาใช้ในอนาคต

ดร.ณัฐพันธุ์ ศุภกา หัวหน้าหน่วยบริการวิเคราะห์ทดสอบ ศูนย์นาโนเทค กล่าวว่า แม้ว่าทั่วโลกจะยังไม่มีมาตรฐานความปลอดภัยจากผลิตภัณฑ์นาโน แต่ประเทศไทยได้กำหนดเทคนิคตรวจวิเคราะห์ เพื่อระบุความเป็นนาโน ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหน รูปทรงอะไรก็ตาม โดยมีสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเป็นผู้กำกับดูแลมาตรฐานการผลิตอีกขั้นหนึ่ง

ที่มา: http://www.komchadluek.net/
Link: http://www.komchadluek.net/2008/06/19/x_it_h001_207459.php?news_id=207459

No comments: