Wednesday, September 19, 2007

ไม้เท้าอัจฉริยะเตือนก่อนชน คว้าสุดยอดผลิตภัณฑ์สมองกลฝังชิพ

ไม้เท้าสำรวจสิ่งกีดขวางของผู้พิการทางสายตา สิ่งประดิษฐ์จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังคว้าสุดยอดผลิตภัณฑ์สมองกลฝังชิพอัจฉริยะ

เผยด้ามไม้เท้าจะสั่นเพื่อเตือนให้รู้ตัวล่วงหน้าก่อนเดินชน ด้านเนคเทคเตรียมสนับสนุนต่อยอดเชิงพาณิชย์ในธุรกิจภาคเอกชน
ดร.พันธ์ศักดิ์ศิริรัชตพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า เครื่องช่วยสำรวจตำแหน่งสิ่งกีดขวางของผู้พิการทางสายตาเพื่อลดอุบัติเหตุ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ครองรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยระบบสมองกลฝังตัว ครั้งที่ 1

เครื่องช่วยสำรวจตำแหน่งสิ่งกีดขวางของผู้พิการทางสายตาเพื่อลดอุบัติเหตุเป็นไม้เท้าระบุตำแหน่งสิ่งกีดขวางที่ช่วยเตือนถึงสิ่งที่อยู่นอกเหนือขอบเขตการรับรู้ เพื่อลดอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง อาศัยหลักการสะท้อนของคลื่นอัลตราโซนิคในการตรวจจับวัตถุ ซึ่งจะสั่นสะเทือนเพื่อส่งเตือนให้ผู้ใช้งานหลบหลีกสิ่งกีดขวางก่อนที่จะเดินชน

ไม้เท้าดังกล่าวผลิตด้วยวัสดุพลาสติกพิเศษมีคุณสมบัติทนแรงกระแทกสูง พับได้ 4 ท่อนจึงพกพาสะดวก อาศัยพลังงานจากถ่านชาร์จในตัว ใช้งานนาน 48 ชั่วโมง ทั้งนี้ ไม้เท้าติดชิพสมองกลนี้จะช่วยให้ผู้พิการทางสายตาปลอดภัย จากการชนสิ่งขีดขวางที่อยู่ระหว่างเอวขึ้นไป เช่น ฝาท้ายรถทัวร์ ท้ายรถบรรทุก ตู้ไฟ ป้ายสัญญาณต่างๆ และเสาไฟฟ้า หลังจากให้ผู้พิการทางสายตา 2-3 คนทดลองใช้ ก็พบว่าสามารถใช้งานได้ดี

"คณะกรรมการพิจารณาเห็นว่าไม้เท้าเพื่อผู้พิการมีความเหมาะสมสำหรับรางวัลชนะเลิศ เนื่องจากมีความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบและความเป็นไปได้ทางการตลาด ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์สนับสนุนให้เกิดการต่อยอดในเชิงธุรกิจต่อไป" ผู้อำนวยการเนคเทคกล่าว

ทั้งนี้ในการพิจารณามีสิ่งประดิษฐ์ที่เข้ารอบชิงชนะเลิศจาก 3 ทีม ได้แก่ ไม้เท้าของผู้พิการทางสายตาดังกล่าว ระบบป้ายแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไร้สาย จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ครองรองชนะเลิศอันดับ 1 และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คสำหรับผู้พิการทางสายตา จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ครองรองชนะเลิศอันดับ 2 โดยได้รับโล่เกียรติยศพร้อมเงินรางวัลมูลค่า 1.5 แสนบาท 1 แสนบาท และ 5 หมื่นบาท ตามลำดับ

ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

No comments: