Sunday, April 1, 2007

เวบเสียงรายงานจราจร

เวบเสียงรายงานจราจรใช้โปรแกรมรับโทรศัพท์แทนพนักงาน

เนคเทคเตรียมทำเวบไซต์รายงานผลจราจร ประยุกต์ใช้โปรแกรมอ่านตัวอักษรเป็นเสียง อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่ โดยโทรเข้ามาฟังรายงานเส้นทางขับขี่ หวังช่วยบรรเทาปัญหาจราจรติดขัดช่วงสงกรานต์

น.ส.ปวีณา ทองแม้น ผู้ช่วยนักวิจัยจากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กล่าวว่า เนคเทคร่วมกับ สวพ.91 และกรมตำรวจทางหลวง จัดทำโครงการและเวบไซต์รายงานสภาพการจราจร และอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์

เวบไซต์รายงานการจราจรแห่งใหม่ที่จัดทำขึ้นมาเป็นพิเศษครั้งนี้ ได้นำเทคโนโลยีแปลงตัวหนังสือ ที่ปรากฏบนหน้าเวบให้เป็นเสียงพูด เทคโนโลยีดังกล่าวเรียกว่า "เน็ตทอล์ค" พัฒนาโดยนักวิจัยศูนย์เนคเทค สำหรับช่วยรายงานข้อมูลแทนพนักงานรับโทรศัพท์

ส่วนวิธีใช้งาน เพียงผู้ขับขี่โทรศัพท์มายังหมายเลขที่กำหนด ระบบคอมพิวเตอร์จะให้เลือกบริการที่ต้องการ เช่น การรายงานสภาพการจราจร แล้วเลือกจุดหรือถนนสายที่ต้องการทราบข้อมูล โดยเน็ตทอล์คจะรับหน้าที่อ่านรายงานจราจรให้ฟัง

“ข้อมูลจราจรบนเวบไซต์มาจากการรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งสามารถรายงานสภาพการจราจรและอุบัติเหตุผ่านคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ที่ป้อมตำรวจ หรือสถานีตำรวจ ซึ่งมีระยะห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร ข้อมูลจึงครอบคลุมมากที่สุด โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร” ผู้ช่วยนักวิจัย กล่าว

นายอนุวัตร สมบุญ ผู้ช่วยนักวิจัยเนคเทค กล่าวเสริมว่า โปรแกรมดังกล่าวได้ทดลองใช้นำเสนอข่าวสารประจำวันผ่านโทรศัพท์ โดยดึงข้อมูลข่าวมาจากเวบไซต์ข่าว www.rssthai.com โดยการรายงานผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่และโทรศัพท์บ้าน รองรับคู่สายทั้งสิ้น 30 คู่สายในปัจจุบัน

เนคเทคยังได้พัฒนาโครงการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะ โดยติดตั้งกล้องวงจรปิดตามแยกต่างๆ เพื่อตรวจสอบความหนาแน่นของการจราจรในบริเวณที่ต้องการ เพื่อประเมินปริมาณรถในแต่ละช่วงเวลา พร้อมทั้งความเร็วขณะรถวิ่งด้วย ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะนำร่องติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณถนนวิภาวดีขาออก สถานีขนส่งจังหวัดนครราชสีมา พร้อมทั้งจุดอื่นที่ต้องการตรวจสอบด้วย

เนคเทคยังเตรียมนำเสนอเทคโนโลยีเกี่ยวกับระบบการจราจร ในการสัมมนาเรื่องระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะ ในงานมอเตอร์โชว์ ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการไบเทค บางนา ในวันที่ 2 เมษายนนี้ พร้อมทั้งนำเสนอนิทรรศการผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

No comments: