Friday, July 11, 2008

ล้างทฤษฎีเก่า! พบหลักฐานใหม่ชี้ชัดบนดวงจันทร์มีน้ำซ่อนอยู่


เคยเข้าใจกันมานานนมว่าสภาพแวดล้อมบนดวงจันทร์ไม่เอื้อต่อสิ่งมีชีวิตเพราะปราศจากน้ำ แต่ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์พบหลักฐานใหม่บ่งชี้ว่าบนดวงจันทร์เคยมีน้ำแฝงอยู่ใต้ดินอย่างแน่นอน และตอนนี้ก็น่าจะหลงเหลือบางส่วนที่เป็นน้ำแข็งซ่อนอยู่ใต้พื้นผิวบริเวณขั้วของดวงจันทร์ ลบล้างข้อสรุปเดิมที่เคยฟันธงกันไว้ว่าบนดวงจันทร์ไร้ร่องรอยน้ำ

สำนักข่าวเอเอฟพีและบีบีซีนิวส์รายงานว่าทีมนักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐฯ ร่วมกันศึกษาตัวอย่างเศษหินจากดวงจันทร์อีกครั้งด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่มีความไวมากกว่าเดิมหลายเท่า ซึ่งทำให้นักวิจัยแต่ละคนถึงกับประหลาดใจอย่างยิ่งที่พบว่ามีองค์ประกอบของน้ำปะปนอยู่ด้วย จากแต่เติมที่เคยศึกษากันแล้วจนลงมติว่าดวงจันทร์ไม่เคยมีน้ำมาก่อนแม้ในอดีต ทั้งนี้ได้รายงานผลการวิจัยในวารสารเนเจอร์ (Nature)

นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าดวงจันทร์เกิดจากการที่มีวัตถุขนาดประมาณดาวอังคารพุ่งเข้าชนโลกหลังจากที่โลกถือกำเนิดขึ้นได้ไม่นานเมื่อประมาณ 4.5 พันล้านปีก่อน ทำให้เศษหินเศษดินของโลกบางส่วนหลุดกระจายออกไปในอวกาศ ซึ่งความร้อนที่เกิดจากการปะทะกันครั้งนั้นได้แผดเผาน้ำจนเหือดแห้งไปหมด และต่อมาเศษชิ้นส่วนที่กระจายอยู่ในวงโคจรของโลกก็เกิดการรวมตัวกันกลายเป็นดวงจันทร์ที่โคจรรอบโลกจนถึงปัจจุบันนี้

ทว่าเมื่อทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยบราวน์ (Brown University) มลรัฐโรด ไอส์แลนด์, สถาบันวิทยาศาสตร์คาร์เนกี (Carnegie Institution for Science) กรุงวอชิงตัน ดีซี และ มหาวิทยาลัยเคส เวสเทิร์น รีเสิร์ฟ (Case Western Reserve University) มลรัฐโอไฮโอ ได้ศึกษาตัวอย่างเศษหินภูเขาไฟที่มีลักษณะใสคล้ายแก้วอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหินดังกล่าวยานอพอลโล (Apollo) นำมาจากดวงจันทร์เมื่อราว 40 ปีก่อน

เดิมทีนักวิทยาศาสตร์เคยตรวจสอบหินจากดวงจันทร์กันมาแล้ว แต่ไม่พบร่องรอยของน้ำแต่อย่างใด จึงให้ข้อสรุปว่าบนดวงจันทร์ปราศจากน้ำ แต่เมื่อนำมาตรวจสอบใหม่อีกครั้ง โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า เซคคันเดอรี ไอออน แมสสเปกโตรเมตรี (secondary ion mass spectrometry: SIMS) ซึ่งมีความไวในการตรวจวัดมากกว่าเทคนิคเดิมที่เคยใช้ถึง 10 เท่า สามารถตรวจจับสัญญาณของน้ำได้แม้มีปริมาณน้อยมากๆ

ผลการวิเคราะห์ที่ได้ทำให้นักวิจัยถึงกับทึ่ง เมื่อพบว่าตัวอย่างหินที่นำมาตรวจสอบ มีน้ำเป็นองค์ประกอบปะปนอยู่ประมาณ 46 ส่วนในล้านส่วน (ppm)

ทีมนักวิจัยเชื่อว่าปริมาณที่ตรวจจับได้จะต้องเป็นร่องรอยของน้ำในปริมาณมากมายกว่านี้หลายเท่าที่มีอยู่บนดวงจันทร์อย่างแน่นอน และได้ทดสอบไฮโดรเจนที่เป็นองค์ประกอบในโมเลกุลของน้ำ ให้ผลยืนยันว่าไม่ได้เป็นไฮโดรเจนที่มีอยู่ในลมสุริยะหรือว่าปนเปื้อนไฮโดรเจนมาจากสารระเหยอื่นๆ แต่อย่างใด

"แสดงว่าน้ำเหล่านี้มาจากชั้นแมนเทิล (mantle) ที่อยู่ลึกลงไปใต้พื้นผิวของดวงจันทร์" ผศ.อัลเบอร์โต ซาล (Alberto Saal) นักธรณีวิทยาซึ่งเป็นหนึ่งในทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยบราวน์ ให้ข้อมูลและอธิบายเพิ่มเติมว่า น้ำดังกล่าวน่าจะปะปนอยู่กับแมกมาใต้ดิน ซึ่งน่าจะมีอยู่ประมาณ 750 ส่วนในล้านส่วน และปะทุขึ้นมาบนพื้นผิวดวงจันทร์พร้อมกันจากการที่ภูเขาไฟระเบิดเมื่อราว 3.5 พันล้านปีก่อน

นักวิจัยให้เหตุผลว่า การระเบิดของภูเขาไฟครั้งนั้นน่าจะทำให้น้ำที่ปะปนออกมากับลาวาได้รับความร้อนและระเหยเป็นไอไปกว่า 95% แต่เนื่องจากว่าบนดวงจันทร์ไม่มีชั้นบรรยากาศห่อหุ้ม ประกอบกับแรงดึงดูดของดวงจันทร์มีไม่มากพบที่จะดึงดูดโมเลกุลของไอน้ำเอาไว้ได้ จึงทำให้ไอน้ำหลุดลอยออกไปสู่อวกาศจนหมด ส่วนน้ำที่เหลืออีกราว 5% น่าจะสะสมกลายเป็นน้ำแข็งอยู่ใต้พื้นผิวบริเวณขั้วของดวงจันทร์

ทั้งนี้ องค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) เตรียมเดินหน้าสมรวจหาร่องรอยของน้ำบนดวงจันทร์อีกครั้ง โดยเอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่านาซาเตรียมจะส่งยานลูนาร์ รีคอนเนสซองส์ ออร์บิเตอร์ (Lunar Reconnaissance Orbiter) ไปสำรวจดวงจันทร์ภายในเดือน พ.ย. 2551 และจะส่งลูนาร์ เครเตอร์ ออบเซอร์เวชัน แอนด์ เซนซิง แซทเทลไลต์ (Lunar Crater Observation and Sensing Satellite) ตามขึ้นไปต้นปี 2552

บีบีซีนิวส์รายงานเพิ่มเติมว่า การค้นพบครั้งสำคัญนี้จะช่วยเพิ่มข้อมูลให้นักวิทยาศาสตร์สำหรับศึกษาความเป็นมาของโลกและดวงจันทร์ในอดีต ซึ่งอาจบ่งชี้ได้ว่ามีน้ำเกิดขึ้นบนโลกแล้วก่อนที่จะถูกอุกกาบาตพุ่งชนจนบางส่วนกระเด็นออกไปและก่อตัวเป็นดวงจันทร์ สำหรับดวงจันทร์ก็เพิ่มข้อสันนิษฐานว่ามีน้ำบนดวงจันทร์เคยเป็นส่วนหนึ่งของน้ำบนโลกมาก่อนหรือเปล่า หรือเกิดขึ้นหลังจากนั้นราว 100 ล้านปี

ที่มา: http://www.manager.co.th/
Link: http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9510000081435

No comments: