Monday, July 14, 2008

วช.โชว์ต้นแบบรถไฮโดรเจน ใช้มอเตอร์ขับเพลาแทนเครื่องยนต์

ไม่ได้มีแค่ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นที่ผลิตรถไฮโดรเจนออกมาวิ่งจริงบนถนน ทีมวิจัยเอกชนไทยสามารถผลิตรถไฮโดรเจนที่ทำความเร็วตีนปลาย 90 กม./ช.ม. ได้แล้วเหมือนกัน

หลังจากได้รับทุนวิจัยและพัฒนาจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จำนวน 14 ล้านบาท บริษัท คลีนฟูเอล เอ็นเนอร์ยี เอ็นเตอร์ไพร้ส์ จำกัด เปิดตัวพัฒนารถเซลล์เชื้อเพลิงต้นแบบ ขนาด 4 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นรถปลอดมลพิษวิ่งด้วยความเร็วได้ประมาณ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มอเตอร์ทำงานเงียบกริบ ไร้มลพิษ มีศักยภาพนำไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ แก้ปัญหาวิกฤติพลังงาน

"รถต้นแบบเสร็จสมบูรณ์เมื่อเดือนมิถุนายน จากการทดสอบวิ่งเป็นเวลาครึ่งเดือน พบว่าถังเก็บพลังงานเซลล์เชื้อเพลิงขนาด 900 ลิตร วิ่งได้นาน 20 นาที คิดเป็นระยะทาง 40 กิโลเมตร" ร.ท.ภราดรกล่าว

รถต้นแบบติดตั้งมอเตอร์ให้ขับเคลื่อนเพลาล้อแทนเครื่องยนต์ โดยใช้กระแสไฟฟ้าจากเซลล์เชื้อเพลิงชนิดพีอีเอ็มเอฟซี (Proton Exchanged Membrane Fuel Cell) ขนาด 10 กิโลวัตต์ ที่ติดตั้งอยู่ส่วนหน้ารถ กระแสไฟฟ้ายังเหลือใช้กับระบบทำความเย็น และเครื่องเสียงภายในรถอีก สิ่งที่ทีมวิจัยจะต่อยอดหลังจากนี้คือ การพัฒนาถังบรรจุเซลล์เชื้อเพลิงให้สามารถบรรจุเชื้อเพลิงได้มากกว่า 900 ลิตร เพื่อให้วิ่งได้ไกลขึ้น

แม้ระยะทางวิ่งยังได้น้อยมาก แต่สามารถแก้ปัญหาได้โดยเพิ่มถังบรรจุเซลล์เชื้อเพลิง โดยน้ำหนักของถังบรรจุหนึ่งถังจะมีน้ำหนักอยู่ประมาณ 10 กิโลกรัมเท่านั้น เป็นภาระน้อยมากสำหรับรถยนต์ต้นแบบที่ขึ้นรูปจากโครงเหล็ก และตัวถังหุ้มด้วยไฟเบอร์กลาส

รถยนต์ไฮโดรเจนดังกล่าวถือเป็นคันแรกของไทย แต่เมื่อเทียบกับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อย่างญี่ปุ่นแล้ว ถือว่ายังห่างไกลกันมาก ยกตัวอย่าง ค่ายฮอนด้านำเทคโนโลยีนี้มาใช้งานแล้วตั้งแต่เมื่อ 2 เดือนก่อน โดยผลิตรถที่ใช้พลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิงขึ้น 100 คัน ให้ประชาชนเช่าขับ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 200 กิโลเมตร ต่อการเติมเชื้อเพลิงหนึ่งครั้ง

นักวิจัยกล่าวว่า แหล่งที่มาของไฮโดรเจนที่ใช้กับเซลล์เชื้อเพลิงในประเทศไทยมี 2 แหล่ง ได้แก่ ผลพลอยได้จากโรงงานผลิตโอเลฟินส์ และโรงงานที่ผลิตโซดาไฟ ซึ่งปล่อยสูญเปล่าวันละ 8 ล้านลิตร สามารถนำมากักเก็บและป้อนไปตามสถานีไฮโดรเจนใช้กับรถได้อย่างน้อยกว่าแสนคัน

ขั้นตอนต่อไป วช.อาจจะนำโครงการเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อประสานงานกับกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพลังงาน เพื่อหาแนวทางต่อยอดระดับอุตสาหกรรมต่อไป

ที่มา: http://www.komchadluek.net/
Link: http://www.komchadluek.net/2008/07/14/x_it_h001_210954.php?news_id=210954