Wednesday, October 11, 2006

ออสซี่พัฒนาสมองกลสื่อสาร

ออสซี่พัฒนาสมองกลสื่อสารกับมนุษย์คิดอ่านและสนทนาตอบโต้กับคนหลายประเภท

คอมพิวเตอร์โฉมใหม่แปลงโฉมจากหน้าจอสัมผัส เมาส์ คีย์บอร์ดใหม่แบบเดิมๆ มาเป็นหัวตัวการ์ตูนที่สามารถคิดและพูดตอบโต้ได้เหมือนคน ตั้งเป้าอีก 10 ปีข้างหน้าใช้เป็นรูปแบบใหม่ในการสื่อสารระหว่างคนกับคอมพิวเตอร์ เชื่อว่าคุยกันรู้เรื่องขึ้น เหมาะสำหรับใช้จองตั๋วหนัง ถอนเงินจากแบงก์

เดนิส เบิร์นแฮม ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการวิจัยโสตศึกษา มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ซิดนีย์ กล่าวว่า ทุกวันนี้คนใช้คีย์บอร์ดและเมาส์สำหรับสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ แต่จริงๆ แล้วผู้ใช้คอมพิวเตอร์อยากได้คอมพิวเตอร์ที่สามารถเข้าใจถ่องแท้ว่า พวกเขากำลังทำอะไรอยู่ อยากได้อะไร และสามารถสื่อสารกับผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และดูเป็นธรรมชาติ

ทีมงานของ เบิร์นแฮม ได้รับเงินทุนจากสภาวิจัยออสเตรเลียและสภาวิจัยการแพทย์และสุขภาพแห่งชาติ มูลค่าถึง 100 ล้านบาท สำหรับพัฒนาศีรษะสมองกลที่มีความสามารถในการสนทนาแบบตัวต่อตัว เป็นระบบที่นำเทคโนโลยีจากหลายสาขาสร้างขึ้น เช่น การสร้างภาพการ์ตูนด้วยคอมพิวเตอร์ ระบบจดจำเสียง ระบบสนทนาอัจฉริยะ รวมถึงระบบประสาทที่สามารถคิดและปรับปรุงการสื่อสารให้ดีขึ้นได้เอง

ทีมวิจัยเชื่อว่าศีรษะสมองกล ซึ่งคิดและพูดได้เองอัตโนมัติจะใช้งานได้จริงใน 10 ปีข้างหน้า เมื่อถือวันนั้นการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในสองประการ

ประการแรกคือ เมื่อผู้ใช้สามารถเห็นการขยับปากและสีหน้าของศีรษะปัญญาประดิษฐ์จะช่วยให้คนเข้าใจว่าสมองกลอยากจะสื่อสารอะไรกับมนุษย์ ประการที่สอง ศีรษะสมองกลสามารถปรับรูปแบบการสื่อสารกับคนหลายประเภทได้โดยเรียกใช้ฐานข้อมูลที่ต่างกัน เช่น เลือกสำเนียง การออกเสียง การแสดงสีหน้า ศัพท์แสงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับพูดคุยกับคู่สนทนา

ศีรษะสมองกลจะติดตั้งกล้องวิดีโอโฟนเพื่อช่วยสืบค้นข้อมูลอัตโนมัติให้เด็กและคนหูหนวกหูตึงได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถจดจำแต่ละคน และปรับบุคลิกให้เข้ากับคนที่สนทนาด้วย และอาจแสดงอารมณ์ตอบโต้ได้ด้วย เช่น เวลาที่คู่สนทนาด้วยเริ่มหัวเสียเพราะสมองกลไม่เข้าใจสิ่งที่พวกต้องการ มันจะเปลี่ยนใช้ระบบแสดงใบหน้าเห็นอกเห็นใจทันที

นักวิจัยวางแผนพัฒนาสมองกลให้สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้จากการพูดคุยกับคนแต่ละประเภท และพัฒนาระบบการสนทนาของตนเองให้ดีขึ้น สำหรับสมองกลต้นแบบนี้จะนำมาใช้กับตู้ให้บริการข้อมูลท่องเที่ยว เช่น ซื้อตั๋ว และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ภาษา นอกจากนี้ ยังอาจนำมาใช้เป็นเพื่อนคุยส่วนตัวสำหรับคนชรา หรือคนพิการ แต่ในช่วงแรกคงเอามาใช้รับฟังปัญหาร้องเรียนเกี่ยวกับใบเรียกเก็งเงินและสอนภาษา

ที่มา : komchadluek

No comments: