Tuesday, May 6, 2008

โลกวิทยาศาสตร์-มทร.กรุงเทพตั้งโรงงานเส้นใยนาโน

ศูนย์นาโนเทคจับมือมทร.กรุงเทพ ตั้งโรงงานต้นแบบผลิตเส้นใยนาโนแห่งแรกในไทย ทุ่ม 56 ล้านบาท นำเข้าเทคโนโลยีผลิตเส้นใยสังเคราะห์ผสม เน้นผลิตเส้นใยคุณสมบัติพิเศษป้อนวงการวิจัยทางการแพทย์และยานยนต์

โรงงานผลิตเส้นใยนาโนเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ (มทร.กรุงเทพ) คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2552 มีกำลังการผลิต 10-20 กิโลกรัมโพลีเมอร์ต่อชั่วโมง เป้าหมายในช่วงแรกจะผลิต "เส้นใยสังเคราะห์ผสม" ป้อนเฉพาะนักวิจัย

"นักวิจัยจะนำเส้นใยที่ได้ไปใช้ศึกษาและพัฒนาสิ่งทอให้มีคุณสมบัติพิเศษเช่น นำไปเคลือบสารนาโนให้มีคุณสมบัติระบายความร้อนและความชื้นได้ดี เส้นใยนุ่มเหนียวและทนต่อแรงดึงได้ดี เมื่อเทียบกับเส้นใยสังเคราะห์ทั่วไป" ผศ.เฉลิม มัติโก อธิการบดี มทร.กรุงเทพกล่าว

เส้นใยสังเคราะห์ผสมเกิดจากการฉีดขึ้นรูปของโพลีเมอร์ 2 ชนิด ซึ่งมีคุณสมบัติต่างกัน ช่วยให้เส้นใยที่เกิดขึ้นใหม่สามารถใช้งานได้หลากหลาย เช่น สิ่งทอทางการแพทย์ ที่มีประสิทธิภาพในการดูดซับและปลอดเชื้อโรค สิ่งทอยานยนต์ เช่น เบาะนั่งกันไฟ ปราศจากแบคทีเรีย คราบสกปรก และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ เป็นต้น

ศ.ดร.วิวัฒน์ตัณฑะพานิชกุล ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคกล่าวว่า เทคโนโลยีผลิตเส้นใยสังเคราะห์ผสมที่ใช้ในโรงงาน นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ด้วยงบประมาณ 56 ล้านบาท เป็นเทคโนโลยีล่าสุดของการผลิตเส้นใยสังเคราะห์ผสม ด้วยกระบวนการทางวิศวกรรมเคมี เพื่อให้โพลีเมอร์จับตัวเป็นเส้นใย ซึ่งนำไปใช้ในกระบวนการทอผ้าได้ทันที

การก่อสร้างโรงงานต้นแบบผลิตเส้นใยสังเคราะห์ผสมนี้นับเป็นครั้งในประเทศไทยที่จะนำไปสู่การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอคุณสมบัติพิเศษ ที่ตรงตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรม โดยเปิดโอกาสให้นักวิจัยจากสถาบันต่างๆ ทำงานวิจัยร่วมกัน

โครงการโรงงานต้นแบบดังกล่าวใช้งบประมาณรวม300 ล้านบาท ระยะโครงการ 5 ปี ในปีแรกเน้นการลงทุนสร้างโรงงาน และนำเข้าเทคโนโลยี ตลอดจนสนับสนุนการวิจัยเส้นใยสังเคราะห์ผสมในมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เชี่ยวชาญเรื่องการพัฒนาเส้นใยให้มีคุณสมบัติพิเศษ มทร.ธัญบุรี ซึ่งมีโรงงานต้นแบบผลิตเส้นใยเดี่ยว

ที่มา: http://www.komchadluek.net
Link: http://www.komchadluek.net/2008/05/06/x_it_h001_201057.php?news_id=201057

No comments: